(UK Visa) ยื่นวีซ่าอังกฤษ แบบอัพโหลดเอกสารเอง

วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องการ ยื่น UK Visa (วีซ่าอังกฤษ) แบบอัพโหลดเอกสารด้วยตัวเองค่ะ สำหรับการยื่นวีซ่าอังกฤษในประเทศไทย ปัจจุบันต้องแสกนเอกสารแล้วอัพโหลดขึ้นเว็บของ VFS ก่อน หากไม่ทำเองก็จะมีค่าบริการอีก 460 บาท (ราคา ณ กุมภาพันธ์ 2563) เราต้องกรอกเอกสารผ่านเว็บ https://visas-immigration.service.gov.uk/product/uk-visit-visa เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้ว จะมีลิ้งค์ให้ไปยัง VFS เพื่ออัพโหลดเอกสาร และนัดหมายวันเข้าไปเก็บลายนิ้วมือพร้อมถ่ายรูปวีซ่าต่อไปค่ะ

สามารถขอวีซ่าล่วงหน้าได้ 3 เดือนนะคะ เนื่องจากอาจต้องรอถึง 15 วันทำการ (3สัปดาห์) รีบขอล่วงหน้าจะดีกว่าค่ะ

การขอครั้งนี้ เป็นการขอแบบไม่มีตั๋วเครื่องบิน หรือที่พัก และแพลนการเดินทางประกอบค่ะ เพราะเราจะไปแห่ถ้วยที่ลิเวอร์พูล และยังไม่มีแผนการเดินทางที่แน่นอน และเราได้พิมพ์คำอธิบายว่ายังไม่มีแพลนไปกับ application form และแปะ cover letter ไปอัพโหลดอีกค่ะ

(รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เพื่อความถูกต้อง ควรเช็คกับเว็บของ VFS ประกอบนะคะ)

กรอกแบบฟอร์มยื่นUK Visa ออนไลน์

การกรอกเอกสารในเว็บ visas & immigration gov.uk ค่อนข้างใช้เวลานะคะ มีตัวเลือกภาษาไทยด้วย แต่ก็ไม่ได้ภาษาไทยไปตลอดค่ะ ค่อยๆกรอกอย่างใจเย็น เตรียมเอกสารให้พร้อม สำหรับคำถามเช่น: แพลนการเดินทาง, ที่พัก, พาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน, พาสปอร์ตเล่มเก่า, การเดินทางใน 10 ปีที่ผ่านมา ว่าไปที่ไหน เดือนอะไร ปีอะไร, งบการเงินที่จะใช้จ่ายในทริปนี้ (การกรอกในเว็บนี้สามารถทะยอยทำได้ค่ะ กด save แล้วส่งลิ้งค์ให้กรอกต่อมาที่อีเมลเราได้)

เมื่อกรอกเสร็จแล้ว และชำระเงิน (128USD ประมาณ 4,000บาท สำหรับวีซ่า6เดือน) เสร็จแล้ว จะมีลิ้งค์ทั้งในเว็บให้กดอยู่2อย่าง คือ 1. กดโหลด document check list กับ 2. กดไปเว็บของvfsเพื่อสร้างล็อคอินอัพเอกสารและนัดคิวเพื่อเก็บข้อมูลลายนิ้วมือกับถ่ายรูปค่ะ โดยในหน้านี้ เลื่อนมาด้านล่าง สามารถกดดาวน์โหลดแบบฟอร์มขอวีซ่าที่เราเพิ่งกรอกกับเว็บเสร็จได้

อัพโหลดเอกสาร และ จองคิว UK Visa ผ่านเว็บ VFS

หลังจากมาที่หน้าของVFS และสมัคร log in ของเว็บนี้ (คนละอันกับในเว็บ visas & immigration) ก็เข้าขั้นตอน upload documents ค่ะ โดยเราต้องค่อยๆอัพโหลดไฟล์ตามหมวดหมู่ไปนะคะ โดยในเว็บVFSนี้ ค่อนข้างจะerrorง่ายมากค่ะ บางทีไฟล์ใหญ่ไป เนตช้า ก็หมดเวลาต้องล็อคอินเว็บใหม่เลย

คำแนะนำสำหรับการอัพโหลด

1. ตั้งชื่อไฟล์ กำกับไปเลยว่าอะไรเป็นอะไรค่ะ เช่น bank statement.pdf, bank guarantee letter.jpg
2. ค่อยๆอัพทีละไฟล์ และให้ตรงประเภท
3. สามารถเลือกวันนัดเก็บลายนิ้วมือ แล้วค่อยกลับมาอัพโหลดไฟล์ได้เรื่อยๆจนกว่าจะถึงวันนัดหมาย
4. อย่าลืมปริ้นท์ receipt จากเว็บนี้ โดยจะแสดงว่าเราอัพโหลดอะไรไปบ้าง

note: ดูจากรูปด้านบนที่แสดงเอกสารที่เราใช้อัพโหลด จะเห็นว่าเราอัพเอกสารไปน้อยมากค่ะ หมวดการเงิน แนบไปแค่จดหมาย bank guarantee, bank statement ส่วนเรื่องหลักฐานการทำงานเราแนบไปแค่เอกสารบริษัทเราพร้อมคำแปล, ส่วน others เราแสกนหน้าวีซ่าเก่าUKของเราประกอบไป พร้อมกับ Cover Letter แล้วก็ไฟล์หน้าพาสปอร์ตปัจจุบันเผื่อไปค่ะ /// Bank statement เราก็ขอปริ้นท์จากแอพ k-plus มาเลยค่ะ ส่งมาเป็นอีเมลไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม เราไปจ่ายเพิ่มตรง bank guarantee หน้าตาประมาณนี้ สามารถแปลงค่าเงินเป็น GBP ให้ได้ด้วยค่ะ อันนี้แล้วแต่เลย เคยยื่นเป็นบาทก็ผ่านนะคะ

ถ้าไม่สะดวกแสกนเอกสารและอัพโหลดเอง VFSก็มีบริการแสกนเอกสารให้ แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มอยู่ที่ 460 บาท (ราคา ณ กุมภาพันธ์ 2563) และถ้าได้คิวไม่ตรงตามต้องการก็สามารถ walk-in ได้ค่ะ

เตรียมเอกสาร ไป VFS

ถึงแม้ว่าเราจะแสกนเอกสารและอัพโหลดทุกอย่างแล้ว เราก็ควรพกสิ่งที่เราอัพโหลดไปที่VFSด้วย เพราะถ้ามีอะไรผิดพลาดเราต้องให้เขาแสกนเอกสารใหม่หมด และเขารับแค่เอกสารที่เป็นขนาด A4

พร้อมเอกสารที่ต้องปริ้นท์/สำเนาออกมาคือ

1. Receipt จาก VFS ว่ารับเอกสารอะไรไปบ้าง
2. Application form ที่ปริ้นท์มาจากเว็บ Visa & immigration ของ Gov UK
3. สำเนาพาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน (จะถูกใช้เพื่อเป็นใบนัดรับพาสปอร์ต)

เดินทางไปVFSเพื่อเก็บลายนิ้วมือและถ่ายรูป

รูปที่อยู่ในวีซ่า จะเป็นรูปที่ได้มาจากตอนที่ไปเก็บลายนิ้วมือ และถ่ายรูปนะคะ เพราะฉะนั้น แต่งหน้ามาด้วย! หรืออยากหน้าสดเพื่อความสมจริงเวลาผ่านตม.ก็ตามสะดวกค่ะ

ทางไปตึก Trendy ลง BTS นานา จะใกล้กว่าค่ะ ถ้าขับรถมาก็มีที่จอดรถในตึกนะคะ

วันเก็บลายนิ้วมือ เราได้รอบ 8.30 ซึ่งเป็นรอบแรกของวันพุธ คิวธรรมดาไม่ใช่ prime time (ที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม) เมื่อไปถึงตึก trendy เราก็ไปเข้าคิวตรวจคิวนัดหมายที่โต๊ะตรงทางเข้าตึกค่ะ โต๊ะตรงนี้จะแบ่ง2ด้าน ด้านซ้ายเป็นของUK ด้านขวาเป็นของ AUS เข้าให้ถูกด้านนะคะ ไม่ต้องไปยืนต่อคิวกับออสเตรเลีย ดูจากธงกับป้ายที่เค้าเตอร์ก็ได้ค่ะ เผื่อในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลง

เมื่อถึงคิวเราก็ยื่นใบ Receipt จากเว็บ VFS พร้อมหนังสือเดินทาง ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคิวเราค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่จะประทับตรา Appointment Approved ให้เรา

เมื่อได้ตราปั๊มแล้วเราก็ไปที่ลิฟต์เบอร์ 10 ที่อยู่ด้านหลัง ขึ้นไปชั้น 28 ค่ะ ตรงนี้จะมีเจ้าหน้าที่คอยจัดคิวขึ้นลิฟต์ให้ บอกว่ายื่น UK แล้วเขาจะชี้ให้ว่ารอตรงไหนค่ะ เพราะมีการแบ่งรอบขึ้นลิฟต์ไปแค่ชั้น8 กับไปชั้น28

เมื่อไปถึงชั้น 28 ผ่านการแสกนตัวแล้ว จะเจอเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทางขวามือ ให้เข้าช่อง UK ที่อยู่ทางซ้ายของเคาน์เตอร์ค่ะ (ไม่ต้องไปต่อที่AUSนะคะ) เจ้าหน้าที่จะส่งให้เราไปให้เจ้าหน้าที่ช่วยเช็คใบ checklist อีกครั้งหนึ่ง อาจมีการแก้ไข (ใบ checklist แสกนที่ VFS ไม่เสียเงินเพิ่มนะคะ ถ้าอัพเอกสารทั้งหมดมาจากบ้านแล้ว) จากนั้นกลับไปเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เพื่อกดบัตรคิว แล้วเข้าห้องไปนั่งรอเรียกคิวแสกนเอกสารค่ะ เสร็จแล้วก็ไปแสกนลายนิ้วมือพร้อมถ่ายรูปตามลำดับค่ะ

ถ้าเลือกรับหนังสือเดินทางเอง เจ้าหน้าที่จะใช้สำเนาหนังสือเดินทาง แนบกับใบเสร็จ เอาไว้ใช้ตอนมารับพาสปอร์ตคืนค่ะ เก็บลายนิ้วมือ และถ่ายรูปเสร็จ ก็กลับบ้านได้ค่ะ

ขั้นตอนในวันนัดนี้ เราคิว 8:30 ออกจากVFSตอน 8:43 ค่ะ นับว่ารวดเร็วมาก แล้วก็ไม่ต้องจ่ายค่าแสกนเอกสารเพิ่มเลย เพราะทุกอย่างเตรียมไปพร้อมหมด

เคล็ดไม่ลับสำหรับการยื่นvisa ของ UK

1. เตรียมเอกสารมาให้ครบ ทุกสิ่งที่อัพโหลดไป ต้องเตรียมมาด้วยเผื่อมีข้อผิดพลาดแล้วต้องอัพโหลดเพิ่มเติม
2. มาถึงตึก Trendy ก่อนเวลานัดอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ถ้าจองรอบ 8:30 ซึ่งเป็นรอบเช้าสุดได้ จะยิ่งดี เพราะไม่มีคิวสะสมมาจากรอบก่อนหน้า
3. รอคิวให้ถูกด้านค่ะ อยู่โต๊ะเดียวกันก็จริง แต่เจ้าหน้าที่2คนรับคิวคนละประเทศกัน
4. ไม่จำเป็นต้องชำระเงินค่า SMS เพราะมีบริการอีเมลส่งฟรีอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเลือกให้ส่งพาสปอร์ตไปที่บ้านก็ไม่ต้องจ่าย SMS ค่ะ
5. เจ้าหน้าที่แนะนำว่า ถ้าได้อีเมลว่าพาสปอร์ตส่งกลับมาที่ VFS (ในเมลจะเรียกว่า Visa Application Centre – VAC) ให้รอสัก 2 วันค่อยไปรับค่ะ

วันรับหนังสือเดินทาง

หลังจากได้อีเมลแจ้งแล้ว เรารอ 2 วัน ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ แล้วเดินทางไป VFS ค่ะ เวลาไปรับ ขึ้นลิฟต์ เบอร์ 10 ไปชั้น 28 ได้เลย รับบัตรคิวที่ชั้น 28 แล้วเข้าไปนั่งรอแถวเค้าเตอร์เบอร์ 10-11 ค่ะ ถ้าดวงคุณดี ไม่มีกรุ๊ปทัวร์มารับพาสปอร์ตก่อนหน้าคุณ ไม่กี่นาทีก็ได้แล้วค่ะ แต่รอบนี้เราเจอกรุ๊ปทัวร์หลายเจ้า รอไปเกือบครึ่งชั่วโมงค่ะ

หลังจากได้วีซ่ามา อย่าลืมเช็คเอกสาร วันที่วีซ่าเริ่ม และการสะกดชื่อ รวมถึงเลขพาสปอร์ตเราด้วยนะคะ